สารจากประธานกรรมการบริษัท
ผมขอขอบคุณลูกค้า คู่ค้า พันธมิตร ผู้ถือหุ้น พนักงาน ตลอดจนผู้มีส่วนได้เสียทุกท่านที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ เป็นอย่างดีมาโดยตลอด
อาจกล่าวได้ว่าปี 2566 เป็นปีที่เราต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งด้านเศรษฐกิจและผลการดำเนินงาน อย่างที่ทุกท่านได้ทราบ เรามีผลการดำเนินงานปี 2566 เป็นขาดทุนสุทธิประมาณ 4,000 กว่าล้านบาท ซึ่งผลขาดทุนส่วนใหญ่มาจากการรับรู้การด้อยค่าของสินทรัพย์และเงินลงทุนใน บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) (“SINGER”) ผลขาดทุนที่เกิดจากการเข้าลงทุนใน SINGER นั้น เกิดจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดและไม่อาจควบคุมได้ภายใน SINGER เราในฐานะผู้ลงทุนจึงได้รับผลกระทบดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อนึ่ง หากมองย้อนกลับไปในช่วงที่ผ่านมาก่อนการเข้าลงทุน SINGER เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนานและมีผลประกอบการที่ดีมาโดยตลอด ดังนั้น แม้ว่าเราจะได้พิจารณาและตัดสินใจเข้าลงทุนอย่างรอบคอบ ระมัดระวังอย่างที่สุดแล้ว ก็ไม่อาจคาดการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวได้
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ไม่ได้เพิกเฉยต่อเหตุการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด คณะกรรมการบริษัทได้ร่วมกันพิจารณาในประเด็นสำคัญต่าง ๆ อย่างรอบคอบ ระมัดระวัง และถี่ถ้วน ตลอดจนดำเนินการจัดการผลกระทบครั้งนี้อย่างจริงจัง อาทิ การบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่า การพิจารณาแผนการบริหารจัดการผลกระทบเชิงลบที่อาจจะเกิดขึ้นเพื่อลดผลกระทบในระยะยาว และเพื่อประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น อันจะส่งผลให้บริษัทฯ เดินหน้าต่อไปในธุรกิจบริการทางการเงินได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
อนึ่ง เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจที่สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัทฯ ที่จะมุ่งสู่การเป็นบริษัทด้านบริการทางการเงินชั้นนำ เราได้ตัดสินใจอย่างระมัดระวังในการเข้าลงทุนในบริษัท บริหารสินทรัพย์ไพร์มโซน จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจบริหารสินเชื่อด้อยคุณภาพและสินทรัพย์รอการขาย และการเข้าลงทุนในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เมธา จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจบริหารกองทุนส่วนบุคคล นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมาเราได้มีการปรับภาพลักษณ์ของบริษัท แรบบิท ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจประกันชีวิต โดยการคิดและเสนอขายผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ตรงจุดยิ่งขึ้น
สำหรับการดำเนินงานในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจยุโรปที่ยังไม่ฟื้นตัว เรายังคงดำเนินการขายสินทรัพย์ด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้ ซึ่งบริษัทฯ ทยอยขายสินทรัพย์ด้านอสังหาริมทรัพย์เรื่อยมานับตั้งแต่ปี 2564 โดยมีเป้าหมายที่จะขายให้แล้วเสร็จภายในปี 2568 โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้รับจากการขายสินทรัพย์เหล่านี้ไปสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้นและต่อยอดโอกาสการเติบโตในระยะยาวในธุรกิจบริการทางการเงิน
ในส่วนของการพัฒนาอย่างยั่งยืน เราได้ผสานแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ในปี 2566 นี้ โครงการเดอะยูนิคอร์น ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ยูสได้ยื่นขอรับการรับรองมาตรฐาน LEED Gold ซึ่งแสดงถึงความสำคัญของบริษัทฯ ในการนำมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลกมาปฎิบัติใช้ นอกจากนี้ เรายังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตทางธุรกิจควบคู่กับการพัฒนาชุมชนผ่านกิจกรรมเพื่อสังคมต่าง ๆ (CSR) ในตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ด้านธรรมาภิบาล บริษัทฯ ได้รับการรับรองให้เป็นสมาชิก “แนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย” ต่อเนื่องกันเป็นครั้งที่สอง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม และให้ความสำคัญในนโยบายต่อต้านการทุจริตในทุกรูปแบบ
สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณลูกค้า คู่ค้า พันธมิตร ผู้ถือหุ้น พนักงาน ตลอดจนผู้มีส่วนได้เสียทุกท่านที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ เป็นอย่างดีมาโดยตลอด และหวังว่าจะยังคงได้รับความไว้วางใจและการสนับสนุนจากทุกท่านอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมสร้างการเดินทางสู่การเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนไปด้วยกัน